U.S. Ambassadors Fund for Cultural Preservation (AFCP) 2019

ถ่ายทอด ต่อยอด สืบสาน ตอนที่ 1 (ผู้ช่วยศาสตราจารย์ ดร.กวิน ว่องวิกย์การ) - Teaching, Growing, Carrying on, Dr. Kawin Wongwigkarn (Part 1)

 
 
 

ความงามแห่งธรรมชาติของไม้ เนื่องจากเราโฟกัสที่เรือนไม้ วัสดุหลักจึงเป็นเรือนไม้เช่นกัน ความเป็นสล่าสร้างเรือนไม้จะต้องรู้จักธรรมชาติของไม้แต่ละชนิด ต้องเป็นผู้เข้าใจความงาม คุณลักษณะของไม้ แล้วก็มองว่าไม้ไม่ใช่วัสดุธรรมดา สล่า (ช่าง) จะมองว่าไม้นั้นมีผี มีชีวิต มีเทวดา ไม้พอจะโค่นลงทีนึงต้องกราบไหว้ สักการะ ปลูกเรือน ขึ้นเสาเอกก็ต้องกราบไหว้สักการะเช่นกัน แล้วตัวไม้ตามหลักวิทยาศาสตร์มันจะยืดหดได้ นุ่มนวล เป็นสิ่งมีชีวิตที่ทำให้เกิดความงาม

          Wood has a natural beauty. Because we’re focusing on wood houses, the main material is obviously wood. Working as a carpenter requires one to understand the nature of each variety of wood. You need to understand the beauty and unique characters of wood. Wood is not just a regular material. The carpenter believes that wood has spirit, that it’s alive. When a tree is cut down, you need to pay homage to it. When you build a house and place the main pillar, you need to pay homage to that as well. Wood, according to its scientific properties, is malleable. It’s a living thing that creates beauty.

          สิ่งสำคัญคือสล่า (ช่าง) จะต้องรู้จักไม้ เพื่อจะเลือกไม้เข้ามาใช้กับสัดส่วน หรือองค์ประกอบของเรือนได้ถูกต้อง เท่าที่ดูพบว่าเรือนไม้ในภาคเหนือจะใช้ไม้ที่ขึ้นอยู่ในท้องที่ มีประมาณ 10 ชนิด ที่กระผมหารือกับสล่าผู้รู้ คือ ไม้สัก เต็ง รัง ประดู่ป่า แดง มะค่าโมง เหียง ตึง กระท้อน กระทุม ประมาณ 10 ชนิดนี้ที่ใช้กันในเขตภาคเหนือ ซึ่งสล่า (ช่าง) จะต้องมีความรู้อย่างยิ่งว่า เสาควรใช้ไม้อะไร ซึ่งไม้เสาซึ่งเป็นโครงสร้างหลักก็จะเป็นไม้เนื้อแข็ง เราจะแบ่งไม้ประมาณ 3 ระดับ คือ

          It’s important that a carpenter really knows wood in order to choose the best wood for a job when building a house. The houses that are found in the north use wood that is local to the region. There are about 10 different kinds that I have learned about in my conversations with knowledgeable carpenters: teak, shorea wood, sal wood, rosewood, ironwood, makamong, hiang, tueng, santol, and kratum. These 10 types of wood are used in Northern Thailand. Carpenters must have a lot of knowledge regarding what type of wood should be used for pillars, which are the main structure of the house and should be hardwood. There are three different categories of wood:

          1.ไม้เนื้อปานกลาง คือ ไม้สัก

          2.ไม้เนื้อแข็ง ไม้เต็ง ไม้รัง

          3.ไม้เนื้อแกร่ง ไม้ประดู่ป่า ไม้แดง

1. medium-hard wood (teak)

2. hardwood (shorea and sal)

3. strong wood (rosewood and ironwood)

พื้นกับฝามักจะใช้ไม้สัก เพราะว่าแต่งง่าย มีลวดลายพื้นผิวสวยงาม เครื่องบนหลังคาก็มักจะใช้ไม้สัก ไม้เต็ง ไม้รัง เป็นต้น สล่า (ช่าง) จะต้องรู้ไปถึงคุณสมบัติการรับน้ำหนักด้วย รวมไปถึงการรู้จักสีและลวดลายที่ไม่เหมือนกัน ไม้ยิ่งแข็งจะยิ่งเข้ม สีแดง สีดำ

          The floor and walls use teak wood because it is easy to decorate and has a beautiful appearance. The roof is also usually made with teak, shorea, or sal. The carpenter must know the ability of each wood to withstand weight, as well as the different colors and grains. The harder wood is, the darker its color. Some woods are red or even black.

          พอไม้ถูกใช้ไปก็จะมีร่องรอยเกิดขึ้น ก็จะมีความงามจากตรงนั้นอีก หลังจากที่เอามาทำ ก็จะมีร่องรอยที่หนึ่ง คือร่องรอยจากกาลเวลา ที่โดนแสงแดดอาบ ก็จะเปลี่ยน เพราะไม้เวลาเจอรังสี UV จะค่อยๆ เปลี่ยนสี ถึงบอกว่าไม้มีชีวิต จะเปลี่ยนจากสีเดิมสีแรก กลายเป็นสีแบบเทาๆ โดนรังสี UV ก็จะงามไปอีกแบบหนึ่ง สีซีดลงแห้งลง กลายเป็นสีเทา แต่ถ้าเจ้าของบ้านคนไหนไม่ชอบ กลัวว่าแห้งเกินไป ก็จะทำการทาน้ำมัน กระผมขอแนะนำให้ใช้น้ำมันแบบที่ซึมลงเนื้อไม้ เป็นออย หรือใช้แว็กซ์ที่ซึมเข้าไปในเนื้อไม้ อย่าพยายามใช้ผลิตภัณฑ์ที่เป็นฟิล์มเคลือบเพียงด้านนอก เพราะจะแข็งและแตก ปิดความชื้น และจะทำให้ไม้หายใจไม่ได้ เกิดไม้ผุเร็ว เสื่อมเร็ว เพราะว่าไม้มีชีวิต หากทำการชโลมน้ำมันลงไป ไม้ก็จะสดขึ้นมาอีกทีหนึ่ง เหมือนปลุกชีวิตขึ้นมาอีกทีหนึ่ง ตรงนี้เหมือนเป็นคาแรกเตอร์สำคัญ เป็นความงามที่วัสดุอื่นไม่มี

          Once wood has been used, it will have marks, which contribute to the beauty of the wood. One of these marks is just the mark of time because it has been exposed to sunlight, which will change the wood. When wood is exposed to UV light, its color will slowly change. This is why I said that wood is alive. It changes from its original color to a gray color, and it becomes beautiful in a new way. Its color fades and it becomes gray. But if the owner of the house doesn’t like it, they can use oil to preserve the color. There is oil that will seep into the wood that I recommend. You can also use wax. But don’t use a product that only sits at the surface of the wood because it will become hard and crack. It won’t allow the wood to breath, which will cause quicker deterioration because the wood is alive. If you use oil, you it will refreshen the wood, like putting life back into the wood. This is part of the wood’s character that makes it beautiful like no other material.

          ตอนผมไปเก็บข้อมูล มีสล่า (ช่าง) บางท่าน ใช้น้ำมันเครื่องใช้แล้ว (น้ำมันขี้โล้) ก็ใช้ได้เช่นเดียวกัน ปลวกไม่กิน และให้สีออกดำ ซึ่งเป็นความงามอีกแบบหนึ่งเช่นกัน อีกทั้งประหยัดด้วย เพราะมีราคาถูก

          When I was doing research, some of the carpenters used already-used motor oil, which can also be used. Termites won’t bother the wood and it will make the wood a beautiful black color. This can also save money because the oil is cheap.

          ความงามที่เกิดขึ้นที่ผิว อันเกิดจากภูมิอากาศ แสงแดด เช้าไปโลมเลีย ความงามอีกอันหนึ่งคือความงามจากรอยถาก รอยไส รอยตัด ของช่าง ซึ่งมีเสน่ห์อันนึงจากการที่สมัยก่อนไม่มีเครื่องมือไฟฟ้า ก็จะเห็นรอยมือของช่างที่ค่อยๆ ปรุงแต่งผิวไม้ลงไป ซึ่งบางจังหวะก็ไม่พอดี และความไม่พอดีที่เกือบเสร็จหรือไม่เสร็จนี้ มันเหมือนมีปรัชญาของชีวิตซ่อนอยู่คือความไม่สมบูรณ์ ซึ่งมีชีวิตชีวาอีกแบบหนึ่งเช่นกัน สล่า (ช่าง) แต่ละท่านก็จะมีรสมือไม่เหมือนกัน อันนี้ก็เป็นเสน่ห์ของงานไม้อีกอันหนึง

          The beauty at the surface of the wood comes from the weather conditions, like exposure to sunlight. Another source of the wood’s beauty actually comes from the carpenter’s construction marks: hammering, carving, sanding, chopping. There is a certain charm form wood prepared traditionally before there were any electric tools. You can actually see all of the marks left at the surface of the wood by the carpenter. Sometimes the carpentry work isn’t perfect, and that perfection or lack thereof when the product is finished, it holds a kind of life philosophy which is the absence of true perfection. This work holds life, and each carpenter imparts their own signature to their work. This is part of the charm of woodwork.

          กระผมสังเกตดูเรือนที่ใช้เครื่องมือไฟฟ้าทั้งหมด ก็จะเห็นความคม ร่องรอยที่ว่ามาข้างต้นน้อยลงไป

          I have seen many buildings built with electric tools. The work is very sharp, but all of the marks I mentioned above are absent.

 
เผยแพร่เมื่อ 4 February 2022 • การดู 1,619 ครั้ง